๑.
เล่าปี กวนอู เตียวหุย สาบานเป็นพี่น้องกันที่สวนดอกท้อ
ว่าแม้ไม่ได้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน ก็ขอ ตายวันเดือนปีเดียวกัน หากกวนอู
ถึงแก่ความตาย ก็จะถือเป็นความผิดข้อที่ ๑
เนื่องจากว่าเล่าปี่และเตียวหุยยังไม่ตายในการศึกที่ชีจิ๋ว
๒.
เล่าปี่ ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์คิดกอบกู้บ้านเมือง บัดนี้เล่าปี่ยังไม่สำเร็จการใหญ่
หากกวนอูต้องตายลงเสียก่อน ก็จะถือเป็นความผิดข้อที่ ๒
เพราะมิได้อยู่ช่วยงานเล่าปี่ให้สำเร็จการใหญ่ และหากกวนอูตายในวันนี้
เล่าปี่และเตียวหุยก็จะต้องยกมาแก้กันจนตายตกตามกันไปทั้ง ๓ พี่น้อง
๓.
เล่าปี่ฝากครอบครัวของตนแก่กวนอู หากกวนอูตาย ก็จะถือเป็นความผิดข้อที่ ๓
เพราะหากกวนอูตาย ก็ย่อมไม่มีใครดูแลครอบครัวของเล่าปี่
กวนอูได้ฟังเตียวเลี้ยวดังนั้นจึงตัดสินใจยอมจำนน
ให้เตียวเลี้ยวไปบอกโจโฉว่าจะไปอยู่ด้วยพร้อมกับพาพี่สะใภ้ทั้งสองไปด้วยกัน
แต่ต้องขอให้โจโฉสัญญาในข้อเสนอ ๓ ประการของตนด้วย
ซึ่งกวนอูขอให้โจโฉยอมรับข้อเสนอว่า
๑.
กวนอูจะไม่ไปอยู่กับโจโฉในฐานะขุนพลของโจโฉ
หากแต่ในฐานะของข้าพระบาทพระเจ้าเหี้ยนเต้
๒.
ขอให้โจโฉดูแล ให้เกียรติพี่สะใภ้ทั้งสองเป็นอย่างดี
เบี้ยหวัดเงินเดือนตามยศของเล่าปี่ ให้จ่ายแก่พี่สะใภ้ทั้งสอง
และห้ามผู้ใดมากร้ำกรายใกล้ประตูห้อง
๓.
หากได้ข่าวเล่าปี่เมื่อไร ตนจะขอไปหาทันที แม้จะไม่ได้กล่าวลาโจโฉก็ตาม
หรือแม้โจโฉจะห้ามก็มิฟัง
โจโฉยอมรับข้อเสนอดังกล่าว กวนอูจึงไปอยู่กับโจโฉ
โจโฉก็พยายามที่จะซื้อใจกวนอูอยู่ทุกวี่วัน โดยสามวันแต่งโต๊ะเลี้ยงทีหนึ่ง
อีกทั้งพากวนอูไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ กวนอูได้รับพระราชทานนามว่า
"บีเยียงก๋ง" แปลว่า เจ้าหนวดงาม ครั้งหนึ่งกวนอูกินเลี้ยงร่วมกับโจโฉ
โจโฉเห็นเสื้อกวนอูเก่าและขาดจึงให้คนนำเสื้อตัวใหม่ที่ปราณีต งดงามมาให้
กวนอูรับไว้แต่ถอดเสื้อตัวเก่าออก สวนเสื้อตัวใหม่ไว้ด้านในและสวมเสื้อตัวเก่าทับไว้
โจโฉสงสัยจึงถามว่าเหตุใดจึงรักเสื้อเก่าขนาดนี้
กวนอูตอบว่าเสื้อตัวเก่านี้เล่าปี่เป็นคนให้ วันหนึ่งโจโฉเห็นม้าของกวนอูผอมโซ
จึงยกม้าเซ็กเทา ซึ่งเคยเป็นม้าฝีเท้าดีของลิโป้ให้ กวนอูปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
ถึงกับหลุดปากออกมาว่า ดีจริงวันใดเมื่อเรารู้ข่าวว่าท่านพี่เล่าปี่อยู่ที่ใด
เราจะได้ไปหาเล่าปี่ได้เร็วขึ้น โฉจึงมีความวิตกยิ่งนัก
ใจหนึ่งก็ชื่นชมกวนอูว่ามีความกตัญญูหาผู้ใดเสมอมิได้
แต่อีกใจหนึ่งรู้สึกน้อยใจที่พยายามเลี้ยงดูกวนอูด้วยทรัพย์สมบัติและยศศักดิ์เท่าใด
ก็ไม่สามารถทำให้กวนอูเสื่อมความภักดีต่อเล่าปี่ได้
โจโฉจึงปรึกษากับเตียวเลี้ยวว่า เห็นจะเปล่าประโยชน์ที่จะเลี้ยงดูกวนอูอีกต่อไป
เตียวเลี้ยวจึงอาสาไปหยั่งฟังความคิดเห็นของกวนอูดูก่อน
แล้วเตียวเลี้ยวก็ได้คำตอบจากกวนอูว่า สำหรับโจโฉนั้น กวนอูสำนึกในบุญคุณอยู่เสมอ
แต่เล่าปี่เป็นพี่ร่วมสาบาน มีคุณแก่กวนอูมาก่อน ถ้าเล่าปี่ตาย
กวนอูก็จะตายตามไปด้วยดังที่สาบานไว้ แม้ว่ากวนอูจะต้องจากโจโฉไป
ก็จะไม่ลืมบุญคุณของโจโฉ และจะต้องตอบแทนบุญคุณของโจโฉอย่างแน่นอน
เตียวเลี้ยวนำความไปบอกโจโฉ โจโฉได้แต่ถอนหายใจ วิตกกังวลที่ไม่สามารถซื้อใจกวนอูมาจากเล่าปี่ได้
ซุนฮกจึงแนะนำแก่โจโฉว่า เมื่อกวนอูบอกว่าจะแทนคุณก่อนจากไป เพราะฉะนั้น
เวลามีศึกก็อย่าให้กวนอูออกรบ เพราะถ้ายังไม่มีความชอบ กวนอู
ก็จะยังอยู่กับโจโฉเป็นมั่นคง โจโฉ เห็นด้วยกับซุนฮก ซ้ำโจโฉยังแสร้งใช้อุบาย
เพื่อให้น้ำใจของกวนอูหักหาญแปรเปลี่ยนจากเล่าปี่ ในคราวระหว่างเดินทัพทางไกล
เมื่อหยุดทัพ ณ ตำบลใด ยามตกค่ำ โจโฉก็จัดให้กวนอูกับ ฮูหยินของเล่าปี่
พักอยู่ร่วมกระโจมเดียวกัน หมายว่าหากชายหญิงอยู่ใกล้ชิดกัน
ย่อมเสมือนน้ำมันใกล้เปลวไฟ ซึ่งพร้อมที่ปะทุลุกโชนด้วยเรื่องความรักความใคร่
โจโฉจึงเปิดช่องให้กวนอูคิดล่วงเกินฮูหยินเล่าปี่ ซึ่งนำไปสู่การแตกหักกับเล่าปี่
แต่การณ์ผิดคาด ทุกค่ำคืน กวนอู จะออกมาอยู่หน้ากระโจมพักเพียงลำพัง
กุมง้าวมังกรเขียวไวัอย่างมั่นคง
นั่งจุดตะเกียงอ่านหนังสือเฝ้ารักษาการณ์ภายนอกอย่างสงบนิ่งไม่ขยับเขยี้อนตลอดคืน
เป็นเช่นนี้ทุกค่ำคืน
ฝ่ายเล่าปี่พ่ายศึกหลบหนีไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว
ได้ยุยงให้อ้วนเสี้ยวออกรบกับโจโฉ สมรภูมิกัวต๋อเริ่มต้นขึ้น
อ้วนเสี้ยวได้สั่งให้งันเหลียงทหารเอกเป็นทัพหน้า เดินทัพเข้าทางด่านแปะเบ๊
กวนอูอาสาออกรับศึกเอง แต่โจโฉเกรงว่ากวนอูจะหาเหตุแทนคุณ จึงไม่อนุญาต
แต่งันเหลียงฝีมือร้ายกาจ ตีแปะเบ๊แตกอย่างรวดเร็วและยังตามตีทัพโจโฉเสียหายสาหัส
โจโฉจำใจต้องให้กวนอูออกสู้รบ กวนอูฟันงันเหลียงคอขาดตาย อ้วนเสี้ยวจึงส่งบุนทิว
ทหารเอกที่มีฝีมือเทียบเคียงกับงันเหลียงออกรบ กวนอูก็ฟันบุนทิวตกม้าตายเสียอีกคน กวนอูฆ่าแม่ทัพของอ้วนเสี้ยวตายถึงสองคน
ซึ่งควรจะถือเป็นการตอบแทนบุญคุณของโจโฉได้ในระดับหนึ่ง
อยู่มากวนอูได้ข่าวว่าเล่าปี่ไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว จึงคิดเดินทางไปหาเล่าปี่
กวนอูเดินทางไปหาโจโฉเพื่อร่ำลา
แต่โจโฉรู้ว่ากวนอูจะลาไปหาเล่าปี่จึงให้เคาทูไปบอกว่ามหาอุปราชไม่อยู่
กวนอูอาศัยสัญญาของโจโฉข้อที่ ๓
พาพี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นเกวียนออกจากฮูโต๋ไปยังโห้ปักที่เล่าปี่อยู่โดยพลการ
แต่เนื่องจากไม่ได้ร่ำลาโจโฉจึงไม่มีหนังสืออนุญาตเปิดทาง
จึงทำให้มีปัญหาในการผ่านแดน กวนอูเดินทางถึงด่านตังเหลงก๋วน ขงสิ้วนายด่านสอบถามว่ากวนอูจะไปไหน
กวนอูตอบตามความจริง ขงสิ้วถามหาหนังสือผ่านทางแต่กวนอูไม่มี โต้เถียงกันจนสู้กัน
กวนอูฆ่าขงสิ้วตายและฝ่าด่านเดินทางต่อไปถึงด่านเมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป้นราชธานีเก่า
พบกับฮันฮกเจ้าเมืองลกเอี๋ยง เกิดปัญหากันอีกเช่นเคย ฮันฮกจึงให้เบงทันสู้กับกวนอู
กวนอูฆ่าทั้งเบงทันและฮันฮกตาย และฝ่าด่านไปยังกิสุยก๋วน
เตียนฮีนายด่านทราบข่าวว่ากวนอูฝ่ามา ๒ ด่าน สังหารขุนพลไปแล้ว ๓
คนจึงออกอุบายเลี้ยงต้อนรับกวนอูอย่างดี ณ วัดตีนก๊กซือ
และให้ซุ่มทหารไว้ลอบสังหารกวนอูเมื่อกวนอูเมาไม่ได้สติ
แต่พระรูปหนึ่งชื่อเภาเจ๋งเตือนกวนอูไว้ก่อน แผนจึงแตก
และเตียนฮีถูกกวนอูฟันขาดสองท่อน
กวนอูเร่งเดินทางเนื่องจากกลัวทัพใหญ่จะรู้เรื่องและยกตามมาทัน
ผ่านเมืองเอี๋ยงหยงเป็นด่านที่ ๔ สังหารอองเซ็กเจ้าเมือง ผ่านด่านที่ ๕ หวยจิวก๋วน
สังหารจินกี๋ ขณะกำลังรบติดพันอยู่ที่หวยจิวก๋วนนั้นเอง แฮหัวตุ้นได้รับคำสั่งจากโจโฉถือธงมหาอุปราชมาเบิกทางให้
โจโฉก็ได้เดินทางมาส่งด้วยตนเอง โจโฉให้เสื้อตัวใหม่แก่กวนอูเป็นของแทนใจ
กวนอูกลับดูหมิ่นโจโฉด้วยการใช้ง้าวรับเสื้อ และไม่ยอมลงจากหลังม้า
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะกวนอูไม่มั้นใจในความปลอดภัยหากต้องวางง้าวและลงจากหลังม้าก็เป็นได้
หลังจากนั้นโจโฉก็เดินทางไปหาเล่าปี่ ณ เมืองโห้ปักได้อย่างสวัสดิภาพ